ประวัติการปลูกเลี้ยงไม้ประดับ

มนุษย์เริ่มปลูกไม้ประดับมาตั้งแต่ครั้งโบราณ แม้จะไม่มีหลักฐานว่าเริ่มต้นจากยุคสมัยใด แต่ก็เป็นที่ทราบกันทั่วไปว่ามนุษย์ได้สร้างสวนลอยแห่งบาบิโลนเมื่อ 600 ปีก่อนคริสตกาล และนำต้นไม้มาปลูกเพื่อความสวยงาม ส่วนชาวโรมันก็ปลูกต้นไม้ใต้แผ่นไมก้า (Mica) หินสบู่ (Talc) และแก้วดิบ (Crude Glass) ในฤดูหนาว และเชื่อกันว่าต้นไม้ต้องปลูกเลี้ยงนอกบ้านเท่านั้น

Sir Hugh Plant นักเขียนหนังสือด้านการเกษตรและนักประดิษฐ์ชาวอังกฤษ เขาจบการศึกษาทางด้านศิลปะ ทำงานเกี่ยวกับงานสวนและเกษตรหลายอย่าง และเขียนบทความเกี่ยวกับไอเดียการปลูกต้นไม้ในบ้านไว้ในหนังสือชื่อ “The Garden of Eden” ในปี ค.ศ. 1653 แต่ก็ยังไม่ได้รับการยอมรับเท่าใดนัก จนกระทั่งปลายคริสต์ศตวรรษที่ 18 ชาวยุโรปเริ่มแยกห้องนั่งเล่นออกมาต่างหากจากห้องอื่นๆ และนำสิ่งของมาประดับประดาไว้ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ วัสดุจากธรรมชาติอย่างเช่นดอกไม้หรือไม้หัวต่างๆ แต่แพร่หลายเฉพาะในหมู่ชนชั้นสูงเท่านั้น

ในยุคแรกเริ่มนั้นการปลูกไม้ประดับยังคงจำกัดเฉพาะต้นไม้จากเขตหนาวหรือเขตอบอุ่น เนื่องจากอุณหภูมิภายในตัวอาคารยังค่อนข้างเย็น ต้นไม้ที่เลือกใช้จึงไม่หลากหลายนัก ส่วนใหญ่เป็นไม้ดอกที่ทานทนต่อสภาพอากาศในท้องถิ่น เช่น คาร์เนชั่น กุหลาบ อาซาเลีย พริมโรส เป็นต้น

ต่อมาในคริสต์ศตวรรษที่ 18 และ 19 มนุษย์ได้เริ่มใช้ห้องนั่งเล่นเป็นสถานที่รับแขกและตกแต่งห้องด้วยของประดับหลากชนิดเพื่อแสดงสถานะทางสังคมของผู้ครอบครอง ซึ่งรวมไปถึงไม้ประดับเขตร้อนชนิดต่างๆ ที่มีราคาสูงและยังช่วยให้ห้องดูสดชื่นจากอากาศอันแสนขมุกขมัวของทวีปยุโรป แต่ก็อยู่ในกลุ่มชาวยุโรปชนชั้นสูงที่มีฐานะเท่านั้น

ต่อมาเมื่อเทคโนโลยีต่างๆ เริ่มพัฒนาไปไกลกว่าเดิม เช่น การคิดค้นเครื่องไม้เครื่องมือสำหรับผู้หญิงอย่างจักรเย็บผ้าก็ทำให้สตรีได้ทำงานอดิเรกอยู่กับบ้านมากขึ้น อีกทั้งกระจกที่ใช้ในยุคนั้นมีราคาถูกลง ทำให้แต่ละบ้านติดตั้งกระจกไว้ตามหน้าต่าง เพื่อควบคุมอุณหภูมิภายในบ้าน แล้วจัดมุมพักผ่อนด้วยการปลูกไม้ประดับตกแต่งไว้ตามมุมห้อง ข้างหน้าต่าง จึงทำให้ชาวยุโรปนิยมไม้กระถางมากขึ้น เพราะเคลื่อนย้ายกระถางได้สะดวกขึ้น ซึ่งไม้ใบก็เป็นพรรณไม้ส่วนหนึ่งที่ใช้ในยุคนั้น

เมื่ออุปกรณ์ต่างๆ มีราคาถูกลง การปลูกไม้ประดับเป็นงานอดิเรกจึงเริ่มแพร่หลายไปสู่ชนชั้นกลาง มีการจัดสวนในบ้านกันอย่างเต็มรูปแบบ เช่น ปลูกไม้เลื้อยคลุมโครงเหล็กเหนือระเบียงพักผ่อน หรือสร้างตู้เทอร์ราเรียมตั้งไว้บนขาตั้งที่ทำจากเหล็กดัดเป็ฯโครง เพื่อนำมาตั้งโชว์ไว้กลางห้องโถงหรือห้องรับแขกที่มีอากาศอบอุ่นมากพอที่จะเลี้ยงพืชพรรณจากเขตร้อนได้ ประกอบกับแรงกระตุ้นจากสมาคมและชมรมต่างๆ ที่เขียนบทความตีพิมพ์ลงในหน้านิตยสาร โดยเฉพาะช่วงเวลาหลัง ค.ศ. 1820 เป็นต้นมา ทำให้พรรณไม้ต่างถิ่นเริ่มแพร่หลายมากขึ้น

จากเดิมที่นักสำรวจต้องพึ่งพาทุนทรัพย์ของกษัตรสำหรับเดินทางไปรวบรวมพรรณไม้ยังแดนไกลก็หันมารับจ้างเนิร์สเซอรี่ต้นไม้ขนาดใหญ่ นักลงทุนหรือชนชั้นสูงที่ต้องการต้นไม้ใหม่ๆ มาปลูกแทนด้วยการผจญภัยที่ให้ผลตอบแทนอย่างสูงนี้เองจึงมีไม้ประดับแปลกตาที่ต้องแลกด้วยหยาดเหงื่อและชีวิตของผู้เสาะหาเหล่านี้มาให้ชาวยุโรปได้ชื่นชมมากขึ้น พรรณไม้เหล่านี้ทยอยเดินทางจากป่าลึกในทวีปเอเชีย ออสเตรเลีย อเมริกาใต้ แอฟริกา จนถึงนิวซีแลนด์ ไปอยู่ในคอลเล็คชั่นของพฤกษาชนผู้ร่ำรวยในทวีปยุโรป ช่วงนี้เองที่ไม้ใบหลายชนิดเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นอย่างที่ไม่เคยเป็ฯมาก่อน

ไม้ประดับหน้าตาประหลาดหลายชนิดแล้วชนิดเล่าถูกบันทึกเป็นภาพวาดทางพฤกษศาสตร์ด้วยฝีมือของจิตรกรชั้นเยี่ยม ก่อนนำไปเผยแพร่บนแผ่นกระดาษตามวารสารและหนังสือให้ผู้คนรู้จักและตามหาต้นจริงจากเนิร์สเซอรี่ชื่อดังไปปลูกเลี้ยง ซึ่งหลายชนิดยังคงได้รับความนิยมต่อเนื่องมาถึงปัจุบัน อย่างเช่น สาวน้อยประแป้ง อโกลนีมา โกสน จนกล่าวกันว่าเป็นยุคทองของการสำรวจพรรณไม้และการปลูกเลี้ยงไม้ประดับอย่างแท้จริง

SIRIWAN LANDSCAPE ENGINEERING

Dawin minimal plants
ข้อมูลพันธุ์ไม้

I Love Plants

วงศ์ไม้ใบ